การฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟัน


การฟอกสีฟัน คือการใช่สารฟอกสีฟัน ซึ่งมีกลไกเข้าไปทำลายเม็ดสีที่อยู่ในตัวฟัน ซึ่งสีในตัวฟันเกิดจาก

1. ได้รับสารขณะทีมีสารสร้างฟัน

2. อาหารที่รับประทาน เช่น ชา/กาแฟ ช็อคโกแลต หรือไวน์แดง แกงส้ม

การฟอกสีฟันแบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้


1. การฟอกสีฟันที่คลินิก ซึ่งทันตแพทย์เป็นผู้ทำการฟอกให้

2. การฟอกสีฟันที่บ้าน ซึ่งทันตแพทย์เป็นผู้เตรียมอุปกรณ์ให้ซึ่งสามารถทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ได้ที่บ้าน

โดยรายละเอียดของการฟอกสีฟันแต่ละวิธีจะกล่าวในลำดับต่อไป

การฟอกสีฟันที่คลินิก
การฟอกสีฟันที่คลินิก

การฟอกสีฟันที่คลินิก

 

ทันตแพทย์เป็นผู้ทำ โดยปกติใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชม. ฟันก็จะขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นสีฟันจะเข้มขึ้นใน 6 สัปดาห์แรก และจะคงที่อยู่อย่างนั้น ถ้าอยากให้ขาวขึ้นอีกอาจจะต้องฟอกทุกๆ 1-2 ปี

ซึ่งขั้นตอนการฟอกสีฟันคร่าวๆที่คลินิกทันตแพทย์มีดังนี้

1. ตรวจฟันเพี่อทำการ clear ช่องปากก่อนฟอกสีฟัน

2. อุดฟันที่ผุหรืออุดคอฟันที่มีการสึก เพราะถ้าทำการฟอกสีฟันโดยยังไม่ได้อุดฟันจะทำให้มีอาการเสียวฟันได้มากกว่าปกติ

3. ขูดหินปูน รักษาเหงือกอักเสบ การจะฟอกสีฟันนั้น ควรทำในคนไข้ที่มีสุขภาพเหงือกดี เพราะถ้าเหงือกยังบวมหรืออักเสบ จะไม่สามารถใส่ส่วนของแผ่นกันเหงือกให้แยกออกจากน้ำยาฟอกสีฟันได้ ทำให้น้ำยาฟอกสีฟันมักจะรั่วทำให้เหงือกเป็นแผล และเกิดอาการเสียวฟันได้ง่ายกว่าปกติ

การฟอกสีฟันที่บ้าน

ทันตแพทย์จะพิมพ์ปาก เพื่อทำถาดฟอกสีฟัน ให้น้ำยาพร้อมถาดพิมพ์แก่คนไข้ไปฟอกที่บ้านเอง จะเห็นผลช้ากว่าการฟอกในคลินิก แต่ฟันจะคงความขาวอยู่ได้นานกว่า และผลข้างเคียงจากการเสียวฟันน้อยกว่าการฟอกสีฟันในคลินิก

ซึ่งขั้นตอนการฟอกสีฟันที่บ้านมีดังนี้

1. เริ่มจากการไปพบทันตแพทย์เพื่อพิมพ์ปากทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลของเราเองก่อน และคุณหมอจะแนะนำวิธีใช้ถาดและน้ำยาฟอกสี (ตัวถาดเก็บไว้ได้ตลอด พอมีถาดแล้วต่อไปหากต้องการทำซ้ำ เราก็ซื้อเฉพาะน้ำยาฟอกสีมาทำด้วยตนเองง่ายๆ)

*ก่อนเริ่มฟอกควรขูดหินปูนและขัดฟันก่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ถ้าใครมีหินปูนมากไม่มีคราบชากาแฟมาก ก็สามารถเริ่มฟอกได้เลย*

2.ก่อนเริ่มฟอกควรแปรงฟันให้สะอาดและถาดฟอกสีควรแห้งสนิท

3.ให้บีบดันน้ำยาฟอกสีฟันออกเป็นจุดเล็กๆเท่าเม็ดถั่วเขียว บีบใส่ลงไปในถาดฟอกสีด้านที่จะสัมผัสกับผิวหน้าฟันของเรา เวลาใส่ถาดฟอกสีฟันเข้าไปในปากแล้ว กดนวดเบาๆให้น้ำยากระจายทั่วผิวหน้าฟัน เราต้องการให้มันเป็นแค่ฟีล์มบางๆเคลือบผิวหน้าฟันเราไว้เท่านั้น การใช้เยอะเกินไปจนบางครั้งน้ำยาล้นเกินออกมาที่เหงือกเป็นการสิ้นเปลือง

4.สวมถาดฟอกสีฟันบนและล่างไว้วันละ 1-2ชั่วโมง วันละ1ครั้ง สำหรับท่านที่มีอาการเสียวฟันควรทำวันเว้นวัน หรือสามารถใส่ยาสีฟันลดการเสียวฟัน เช่น Colgate pro-relief , Sensodyne ฯ ลงในถาดแทนน้ำยาฟอกสีฟัน แล้วใส่วันละ ครึ่งชม.-1 ชม. จะช่วยป้องกันและลดอาการเสียวฟันได้ดียิ่งขึ้น

5.หลังทำเสร็จ เอาถาดฟอกสีฟันออกจากปากแล้ว ควรบ้วนน้ำและล้างถาดฟอกสีฟันด้วยน้ำสะอาดใช้แปรงปัดคราบน้ำยาที่หลงเหลือออก ผึ่งให้แห้งแล้วเก็บใส่กล่องไว้ในที่แห้งเพื่อใช้ใหม่ครั้งต่อไป

ถาดฟอกสีฟันและน้ำยาฟอกสีฟัน

วิธีเก็บน้ำยาฟอกสีฟัน ควรเก็บอย่างไร

– น้ำยาเก็บไว้ในตู้เย็น (ไว้ที่ฝาตู้เย็น)

– ถาดฟอกสีฟันออกจากปากแล้ว ควรบ้วนน้ำและล้างถากฟอกสีฟันด้วยน้ำสะอาดใช้แปรงปัดคราบน้ำยาที่หลงเหลือออก ผึ่งให้แห้งแล้วเก็บใส่กล่องไว้ในที่แห้ง หากจะไม่ได้ฟอกนานๆควรเก็บกล่องถาดฟอกสีไว้ในตู้เย็นเช่นกัน

การหยอดน้ำยาฟอกสีฟันและการเก็บรักษา

การหยอดน้ำยาฟอกสีฟันและการเก็บรักษา

ต้องฟอกสีไปนานแค่ไหน

ระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสีฟันตั้งต้น และความต้องการของเราว่าอยากให้ฟันขาวขึ้นแค่ไหนโดยทั่วไปแนะนำให้ทำครบหนึ่งเซตจะเห็นผลชัดเจน อาจทำติดต่อกันทุกวันหรือถ้าเสียวให้ทำวันเว้นวัน พอได้สีฟันขาวที่เราพอใจแล้วต่อไปก็ทำซ้ำสักเดือนละ 1-2 ครั้งเพื่อฟันขาวไปตลอด

ผลข้างเคียงจากการฟอกสีฟัน

• เสียวฟัน

• ถ้าน้ำยาถูกขอบเหงือกก็จะทำให้เป็นแผลได้

• มีวัสดุอุดและครอบฟันจะไม่เปลี่ยนไปตามสีฟันที่ถูกฟอก อาจจะต้องมีการเปลี่ยนวัสดุบูรณะฟันหลังฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟัน

No Comments

Post A Comment